วันนี้(6 มี.ค.)ที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.) ศ.นพ.เกษมวัฒนชัย องคมนตรี ได้มอบหนังสือเรื่อง“โรงเรียนคุณธรรม”เรื่อง “คุณครูที่รัก”และเรื่อง“ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงกับความเข้มแข็งของโรงเรียน” ให้แก่ รศ.นพ.กำจร ตติยกวี เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา(กกอ.) เพื่อนำไปเผยแพร่ให้แก่ข้าราชการ สกอ.และมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ โดย ศ.นพ.เกษมกล่าวว่า หนังสือชุดดังกล่าวเกิดจากพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงรับสั่งกับคณะองคมนตรีที่ ต้องการช่วยเหลือโรงเรียนให้สร้างคนดีแก่บ้านเมือง โดยพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ตั้งเป็นกองทุนชื่อว่า “กองทุนการศึกษา” โดยพระองค์มีพระราชประสงค์ทำงานแบบปิดทองหลังพระ
ศ.นพ.เกษม กล่าวต่อไปว่า คณะทำงานได้คัดเลือกโรงเรียนเข้าร่วมโครงการโรงเรียนคุณธรรมตั้งแต่ปี2555 จนถึงขณะนี้รวม100 กว่าโรง ซึ่งเน้นหลักการทำงานให้โรงเรียน คือสร้างความพร้อมและสร้างความดี ซึ่งทำให้โรงเรียนที่เข้าร่วมเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีและที่ผ่านมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงติดตามการดำเนินงานมาโดยตลอด ทรงแนะนำเป็นระยะๆ อาทิ การสร้างความพร้อมได้แก่ การดูแลความเป็นอยู่ของครู ซึ่งจากผลสำรวจพบว่า สิ่งครูขาดแคลนเป็นอันดับแรกคือบ้านพักครู จึงพระราชทานพระราชทรัพย์สร้างบ้านพักครู ช่วยลดปัญหาครูขอย้ายจากพื้นที่ ส่วนการสร้างความดี ได้แก่ การให้ผู้บริหาร ครูนักเรียน กำหนดคุณธรรมที่จะทำ และร่วมใจกันทำตามสิ่งที่ตกลงกัน
“ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัส โรงเรียนสร้างคนดีคือ1. ครูต้องรักนักเรียนและนักเรียนต้องรักครู 2.ครูต้องสอนให้นักเรียนมีน้ำใจกับเพื่อนเช่น สอนไม่ให้เด็กแข่งกันได้อันดับหนึ่ง แต่ให้เด็กเก่งช่วยเพื่อนที่เรียนช้า และให้แข่งกับตัวเอง และ3. ครูต้องจัดกิจกรรมให้นักเรียนรู้จักการทำงานเป็นหมู่คณะเพื่อเห็นคุณค่าของความสามัคคี ส่วนตัวเห็นว่าทั้ง 3เรื่องคือนโยบายการศึกษาที่ประเทศไทยต้องการขณะนี้ อย่างไรก็ตามการสร้างโรงเรียนคุณธรรมนั้น สามารถขยายไปยังหน่วยงานอื่นๆ เช่น โรงพยาบาล บริษัทเอกชน ส่วนของสถาบันอุดมศึกษาก็สามารถสร้างมหาวิทยาลัยคุณธรรมได้ แต่เนื่องจากเป็นหน่วยงานขนาดใหญ่ควรเริ่มทำจากระดับคณะก่อน” องคมนตรี กล่าว
ด้าน รศ.นพ.กำจร กล่าวว่า สกอ.จะนำหนังสือที่ได้รับไปแจกให้ชาวสกอ.ทุกคนให้ได้อ่าน และจะทำให้ สกอ.เป็น สกอ.คุณธรรม และขยายความคิดนี้ออกไปสู่มหาวิทยาลัย ให้เป็นมหาวิทยาลัยคุณธรรม ซึ่งการดำเนินการอาจจะทำยาก เพราะเป็นองค์กรขนาดใหญ่ แต่ยังหวังได้
ที่มา: http://www.dailynews.co.th/
0 comments:
Post a Comment